วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธีการทำขนมรังผึ้ง

ขนมหวานไทย : ขนมรังผึ้ง (waffle)

* แป้งข้าวเจ้า 4 ถ้วยตวง
* แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
* ถั่วเหลืองต้มบดละเอียด 4 ถ้วยตวง
* ไข่ไก่ (ใช้เฉพาะไข่ขาว) 4 ฟอง
* หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง
* น้ำตาลปี๊บ 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา


  วิธีทำ
1. นำแป้งไปผสมกับ น้ำตาลทราย, เกลือ และถั่วต้มบด คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
2. นำไข่ขาวไปตีจนขึ้นฟู จากนั้นจึงนำไปเทผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่ง คนจนส่วนผสม ทั้งหมดเข้ากันทั่ว
3. ทาน้ำมันบางๆทั่วแบบพิมพ์ ตักส่วนผสมแป้งเทลงในแบบ พอท่วมให้รีบปิดฝาบนทันที กลับพิมพ์ไปมาทั้งสองด้านให้ถูกความร้อนจนสุกเหลืองทั่ว จึงเคาะออกจากแบบ
4. เสริฟทันทีขณะร้อนๆ หรือ เสริฟทานพร้อมกับไอศครีม (หรือทานกับแยมผลไม้ด้วยก็ได้)

วิธีการทำขนมไข่

ขนมหวานไทย : ขนมไข่

* แป้งสาลี 950 กรัม
* ไข่เป็ด 25 ฟอง
* น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม
* กลิ่นวานิลา 1 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

   วิธีทำ
1. ตีไข่กับน้ำจนไข่ขึ้นฟู จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีจนน้ำตาลละลาย ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
2. นำส่วนผสมไข่ไปใส่ในตระแกรงล่อน เพื่อเอาสิ่งสกปรกออก เมื่อล่อนเสร็จแล้วนำแป้งลงไปผสม ตีจนไข่ขึ้นฟูอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงเติมกลิ่นวานิลา
3. นำส่วนผสมแป้งและไข่ที่ทำเสร็จไปหยอดลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ (อย่าใส่จนเต็มแบบ เพราะ เมื่ออบแล้วตัวขนมจะฟูขึ้นอีก ควรใส่ประมาณครึ่งหนึ่งของแบบก็พอ) ควรทาน้ำมันบางๆที่ผิวแบบเพื่อไม่ให้ติด
4. นำไปอบโดยใช้อุณหภูมิประมาณ 180 องศาเซลเซียส อบประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก จึงนำออกมาจากเตา
5. เคาะขนมออกจากแบบ จัดใส่จานเสริฟ (บางกรณีอาจเสริฟขนมโดยไม่ต้องนำขนมออกจากแบบก็ได้)

วิธีการทำขนมลอดช่อง

ขนมไทย : ขนมลอดช่องน้ำกะทิ
+ ส่วนผสมตัวลอดช่อง +
* แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
* แป้งเท้ายายม่อม 30 กรัม
* แป้งซ่าหริ่ม 20 กรัม
* น้ำปูนใส 450 กรัม
* น้ำใบเตย 250 กรัม
* น้ำแข็ง
+  ส่วนผสมน้ำกะทิ +
* น้ำกะทิ 250 กรัม
* น้ำตาลปึก 150 กรัม
* เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
* เทียนอบ
+ เพิ่มเติม +
* เผือกนึ่ง, ข้าวเหนียวดำ, ขนุน อื่นๆ

วิธีทำ
1. ทำตัวลอดช่องโดยผสมแป้งข้าวเจ้า, แป้งเท้ายายม่อม, แป้งซ่าหริ่ม เข้าด้วยกัน หลังจากนั้นค่อยๆใส่น้ำ ปูนใสทีละน้อย ขณะเดียวกันก็นวดแป้งให้เข้ากันจนเนียนและเหนียว และค่อยๆใส่น้ำปูนใสจนหมด แล้วจึงใส่น้ำ ใบเตย แล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนแป้งเนียวและข้นจึงลดไฟลง กวนต่อจนแป้งสุก (แป้งจะมี ลักษณะข้นเหนียว)จึงปิดไฟ
2. เตรียมน้ำเย็นโดย นำน้ำแข็งไปละลายในน้ำจนน้ำเย็นจัด จากนั้นนำส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอน ที่หนึ่งไปใส่ลงในพิมพ์ลอดช่อง ค่อยๆกดให้เป็นเส้นหย่อนลงไปในน้ำเย็นที่เตรียมไว้
3. ทำน้ำกะทิโดยนำน้ำตาลปึกผสมกับน้ำกะทิและเกลือป่น นำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆ คนจนน้ำตาลละลายดี จึงปิดไฟ และนำไปอบควันเทียนให้หอม
4. ตักเส้นลอดช่องใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ และน้ำแข็งทุบ สามารถใส่เครื่องเพิ่มเติมได้ตามต้องการ (เผือกนึ่ง, ข้าวเหนียวดำ, อื่น) เสริฟได้ทันที

วิธีการทำขนมกลีบลำดวน

ขนมหวานไทย : ขนมกลีบลำดวน (ดอกลำดวน)

* แป้งสาลี 100 กรัม
* น้ำมันพืช 50 กรัม (หรือเนยขาว)
* น้ำตาลไอซิ่ง 80 กรัม
* สีผสมอาหาร (แล้วแต่ชอบ)
* เทียนอบ

 วิธีทำ
1. ผสมแป้งสาลีกับน้ำตาลเข้าด้วยกัน นำไปร่อน 2 ครั้ง เสร็จแล้วใส่น้ำมันพืช (หรือเนยขาว) ลงไปผสม นวดจนส่วนผสมทั้งสามเข้ากันดี
2. ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆขนาดเท่าๆกัน ใช้มีดคมๆแบ่งแป้งเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน
3. จับวางเป็น 3 กลีบ ส่วนอีก 1 กลีบที่เหลือให้ปั้นเป็นลูกกลมๆวางตรงกลางกลีบทั้งสามเป็นเกสร ก็จะได้รูปทรงดอกไม้ ทำเช่นนี้จนแป้งหมด เรียงไว้ในถาด
4. นำแป้งไปอบที่อุณหภูมิประมาณ 300 องศาฟาเรนไฮต์ประมาณ 10 - 15 นาทีหรือจนสุก จะได้ขนมที่มีลักษณะผิวนวล กรอบ นำไปอบควันเทียนให้หอม ก็พร้อมรับประทานได้ทันที
หมายเหตุ : ถ้าต้องการกลีบหรือเกสรที่ต่างสีกัน ก็ให้แยกส่วนผสมแป้งในขั้นตอนที่หนึ่ง แล้วผสมสีตาม ที่ชอบขณะใส่น้ำมันพืชลงไปนวด ควรใช้สีโทนอ่อนจะน่ารับประทานมากกว่าสีเข้ม

วิธีการทำขนมข้าวเหนียวเปียกลำใย

ขนมหวานไทย : ขนมข้าวเหนียวเปียกลำใย

* ข้าวเหนียว 150 กรัม
* ลำใย 150 กรัม
* น้ำเปล่า 1 ลิตร
* น้ำตาลทราย 200 กรัม
* ข้าวโพดนึ่งสุกแกะเป็นเม็ด 50 กรัม
* หัวกะทิ 100 กรัม
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา

 วิธีทำ
1. นำข้าวเหนียวไปซาวในน้ำสะอาด จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำให้แห้ง
2. ปอกเปลือกลำใย คว้านเอาเม็ดออก ทำความสะอาดและล้างด้วยน้ำเปล่า จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำให้แห้ง
3. ตั้งน้ำในหม้อด้วยไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำเดือดจึงใส่ข้าวเหนียวลงไป คนอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ข้าวเหนียวติดกันเป็นก้อน เมื่อข้าวเหนียวเริ่มสุก จึงใส่น้ำตาลทรายลงไปรอจนเดือดอีกครั้งและน้ำตาลทราย ละลายหมด ใส่ลำใยและข้าวโพดลงไป คนส่วนผสมทุกอย่าให้เข้ากัน ปิดไฟ
4. ทำน้ำราดกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือลงในหม้อเล็ก ตั้งบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี ปิดไฟและพักไว้
5. ตักข้าวเหนียวเปียกลำใยใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ พร้อมเสริฟรับประทานได้ทันทีี

วิธีการทำขนมสำปันนี

ขนมหวานไทย : ขนมสำปันนี

* แป้งมัน 3 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 3 1/2 ถ้วยตวง
* มะพร้าวขูด 500 กรัม
* น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง
* สีผสมอาหาร
* เทียนอบ

  วิธีทำ
1. นำน้ำลอยดอกมะลิไปผสมกับมะพร้าวขูด คั้นเป็นน้ำกะทิออกมา จากนั้นใสน้ำตาลทรายลงไป แล้วนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนงวดเป็นยางมะตูม ปิดไฟและทิ้งไว้ให้เย็น
2. นำแป้งมันไปคั่วบนกระทะให้สุก เสร็จแล้วปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น
3. ผสมแป้งที่คั่วแล้ว (ขั้นตอนที่สอง) กับน้ำกะทิเชื่อม (ขั้นตอนที่ 1) และสีผสมอาหาร คนจนส่วนผสมละลายทั่วและเข้ากันดี จึงนำไปอัดใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ อบด้วยเทียน
4. จัดใส่จานเสริฟ รับประทานได้ทันที

วิธีการทำขนมวุ้นกะทิ

ขนมหวานไทย : วุ้นกะทิกาแฟ


+ ส่วนผสมตัววุ้น +
* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
* น้ำใบเตย,น้ำกาแฟ หรือสีผสมอาหาร (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)


+ ส่วนผสมหน้าวุ้น +
* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะพร้าว 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
* หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
* เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
* แม่พิมพ์สำหรับใส่วุ้น (ถ้วยหรือชามเล็กๆ ก็สามารถใช้แทนกันได้)

 วิธีทำ
1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น)
2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง
3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง
4. ระหว่างรอตัววุ้นแข็ง เตรียมทำหน้าวุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย
5. จากนั้นจึงใส่แป้งข้าวโพด, หัวกะทิ (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือลงไปในส่วนผสมหน้าวุ้น คนอย่างต่อเนื่องจน ส่วนผสมละลายเข้ากัน
6. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำส่วนผสมของหน้าวุ้นไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็มอย่างปราณีต (พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน)
7. เมื่อหน้าวุ้นและตัววุ้นแข็งดีแล้วก็ให้เคาะออกจากแบบ จัดใส่จานและเสริฟได้ทันที

วิธีการทำขนมอาลัว


ขนมหวานไทย : อาลัว

* แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง
* มะพร้าวขูด 350 กรัม
* น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยตวง
* สีผสมอาหาร
  (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้
   เช่น สีเขียว - ใบเตย, สีม่วง - ดอกอัญชัญ)

วิธีทำ
1. นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกระทิ
2. นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน
3. นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)
4. นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 - 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน
5. จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้

วิธีการทำขนมขี้หนู

 
ขนมไทย : ขนมขี้หนู (ขนมทราย)

* แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
* มะพร้าว 1 ซีก (นำไปขูดเป็นเส้นฝอย)
* น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำลอยดอกไม้ 1 ถ้วยตวง
* สีผสมอาหารตามชอบ
* เทียนอบ

   วิธีทำ
1. นวดแป้งข้าวเจ้วกับน้ำดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง อย่าให้แชะเกินไป จากนั้นห่อด้วยผ้าขาวบางและนำไปใส่ถุงผ้า มัดปากถุงให้แน่น หาของหนักๆทับเพื่อให้แห้งน้ำ
2. จากนั้นจึงนำไปยีเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วผึ่งแดดให้พอหมาด แล้วจึงนำไปร่อน ให้สิ่งสกปรกออก
3. นำแป้งที่ร่อนแล้วไปใส่ในผ้าขาวบางและนึ่งจนสุก
4. นำน้ำตาลทรายไปผสมกับน้ำลอยดอกไม้และสีผสมอาหาร จากนั้นนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนน้ำตาล ละลายดี จึงปิดไฟและกรองน้ำเชื่อมด้วยผ้าขาวบางอีกครั้ง
5. นำแป้งที่นึ่งสุกใส่ลงในอ่างน้ำเชื่อม ใช้ไม้พายคนเบาๆ หาฝาปิดไว้สักครู่เพื่อให้แป้งฟู คนต่ออีกครั้ง เพื่อให้แป้งกับน้ำเชื่อมเข้ากัน จากนั้นจึงนำไปอบด้วยควันเทียนให้หอม
6. ตักแป้งใส่จาน ก่อนเสริฟโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดหยาบๆ พร้อมรับประทานได้ทันที

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธการทำขนมสังขยาฟักทอง

สังขยาฟักทอง


ส่วนผสม
ฟักทอง 1 ลูก
ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลปีบ 3/4 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว 400 กรัม
ใบเตย 3 ใบ
วิธีทำ


1. เจาะฟักทองออกเป็นผอบ ควักเมล็ดออก ล้างให้สะอาด

2. คั้นมะพร้าว ด้วยน้ำอุ่น 1/4 ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 1 1/4 ถ้วย

3. ขยำไข่กับน้ำตาลด้วยใบเตย 10 นาที ค่อยๆใส่กะทิขยำต่อให้เข้ากันกรองด้วยผ้าขาวบาง เทใส่ในฟักทอง

4. วางฟักทองลงในชามขนาดเดียวกับฟักทอง เทสังขยาลงไปให้เหลือปากประมาณ 1 นิ้ว นึ่งในน้ำเดือดไฟแรง ประมาณ 45 นาที หรือจนสุก




หมายเหตุ เวลานึ่งให้แยกตัวฟักทองและฝาต่างหาก

วิธีการทำขนมลูกชุบ

ขนมลูกชุบ
ส่วนผสม
ถั่วเขียวเราะเปลือก 350 กรัม
มะพร้าวขูดขาว 600 กรัม
น้ำตาลทราย 3 ถ้วย
วุ้นผง 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วย
วิธีทำ
1. เลือกถั่วเอากรวดทรายและเม็ดเสียออก ล้างและแช่น้ำประมาณ 2 ชั่วโมง
2. คั้นมะพร้าวใส่น้ำ 4 ถ้วย ให้ได้กะทิ 5 ถ้วย (ใส่น้ำทีละน้อย ไม่ใส่ทีเดียวหมด) บดถั่วที่นึ่งสุกให้ละเอียด โดยผสมกับน้ำกะทิใส่เครื่องปั่น เทใส่กระทะทอง
3. ใส่น้ำตาล ตั้งไฟให้เดือดก่อน เมื่อถั่วจวนแห้งใช้ไฟอ่อน กวนจนข้นเหนียว ยกลง ปล่อยให้เย็น นวดให้เข้ากัน
4. แบ่งถั่วออกเป็นก้อนเล็กๆขนาด 1/2 ช้อนโต๊ะ ปั้นเป็นรูปผัก ผลไม้ เสียบกับไม้ระบายสีให้เหมือนของจริง แล้วเสียบไว้บนโฟม หรือต้นกล้วยเมื่อสีแห้งแล้วจึงนำไปชุบวุ้น
วิธีทำวุ้น
1. ผสมวุ้นกับน้ำลอยดอกมะลิ คนให้เข้ากัน ตั้งไฟกลาง หมั่นคนตลอดเวลาจนกระทั่งวุ้นใสเป็นมัน เหนียวพอติดพาย ยกลง
2. ทิ้งไว้จนกว่าจะมีฟองสีขาวลอยขึ้นมา ช้อนฟองทิ้งจึงนำไปชุบการชุบควรชุบประมาณ 2-3 ครั้ง
3. เมื่อวุ้นแข็งตัวถอดออกจากไม้ ตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก ตกแต่งด้วยใบแก้วที่ล้างสะอาด ตัดเป็นใบเล็กๆ
หมายเหตุ ชนิดของผักและผลไม้ ได้แก่ มะเขือยาว พริกแดง แครอท มะยม ชมพู่ มะม่วง มะละกอ มังคุด

วิธีการทำขนมน้ำดอกไม้


ขนมน้ำดอกไม้



ส่วนผสม

แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำลอยดอกมะลิ 1 3/4 ถ้วย

วิธีทำ

1. ใส่น้ำดอกมะลิ น้ำตาล ลงในหม้อ ตั้งไฟ พอเดือดน้ำตาลละลายยกลง กรองทิ้งไว้ให้เย็น จะได้น้ำเชื่อม 2 ถ้วย
2. ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม ลงในชามผสม ใส่น้ำปูนใส น้ำเชื่อมทีละน้อย นวดจนแป้งรวมตัวเป็นก้อน หยุดใส่น้ำเชื่อม นวดจนแป้งเหนียว จึงใส่น้ำเชื่อมจนหมด นำไปกรอง แล้วหมักแป้งไว้ 1 ชั่วโมง
3. ใส่น้ำก้นลังถึง 3/4 ตั้งให้เดือด นึ่งถ้วยตะไลให้ร้อนจัด จึงใส่แป้งปิดฝาลังถึงไม่ต้องสนิท
4. ใส่แป้งให้เต็มถ้วย นึ่งประมาณ 3 นาที หน้าขนมจะเริ่มบุ๋ม นึ่งต่ออีก 15 นาที โดยต้องลดไฟ

หมายเหตุ ถ้าต้องการให้ขนมบุ๋มมากๆ ให้เทแป้งออกหลังจากนึ่ง พอแป้งจับขอบถ้วยก็ปิดฝา

วิธีการทำขนมทองหยอด




ทองหยอด


ส่วนผสม

ไข่เป็ด 16 ฟอง
น้ำตาลทราย 2 1/2 กิโลกรัม
แป้งข้าวเจ้า 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 8 ถ้วย

วิธีทำ1. แป้งข้าวเจ้าตากแห้ง อบดอกมะลิและกระดังงาไว้ 1 คืน แล้วจึงค่อยใช้การเชื่อมน้ำตาล ต้องทำอย่างเดียวกับทำทองหยิบ สำหรับทำทองหยอดต้องเชื่อมน้ำตาล 2 ชนิด คือ
1.1 เชื่อมน้ำตาล 1 กก. น้ำ 4 ถ้วย อบดอกมะลิ กระดังงา ไว้สำหรับแช่
1.2 เชื่อมน้ำตาล 1 1/ 2 กก. น้ำ 4 ถ้วย สำหรับหยอด เมื่อเชื่อมดีแล้วใส่กระทะทอง
2. ต่อยไข่ขาว แยกไข่ขาว ไข่แดงรีดเอาเยื่อออก ตีไข่แดงให้ขึ้นฟูมากกว่าทองหยิบ
3. แบ่งไข่ออกเป็น 4 ส่วน ผสมไข่กับแป้งที่ละส่วน ไข่ 1 ส่วน ใส่แป้ง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. ยกกระทะน้ำเชื่อมตั้งไฟให้เดือดพล่าน ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ขยุ้มแป้งให้ติดนิ้วมาให้พอดี 1 ลูก การหยอดนั้นให้ใหญ่เล็กตามพอใจ พอขยุ้มขึ้นมือเป็นจังหวะยั้งให้ติดนิ้วกลาง และยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นจรดนิ้วกลางเหนือแป้งที่ขยุ้มขึ้นมา แล้วรูดแป้งไปทางปลายนิ้วทั้ง 3 นิ้ว สะบัดลงในกระทะทันที การหยอดต้องทำตามอาการที่กล่าวนี้ให้เร็วที่สุดมิฉะนั้นทองหยอดจะไม่เป็นดังทองหยอดที่เห็นอยู่

วิธีการทำขนมเสน่ห์จันทร์

ขนมเสน่ห์จันทน์
ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว 600 กรัม
ไข่ไก่ (ใช้เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
ลูกจันทน์ป่น 1/2 ถ้วย
สีผสมอาหาร สีเหลือง สีส้ม สีเหลืองไข่ไก่ สีน้ำตาล
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งก่อนตวง ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน
2. คั้นกะทิข้นๆ ให้ได้ 3 ถ้วย ผสมกับน้ำตาล คนให้ละลายแล้วกรอง
3. ผสมแป้งกับกะทิที่ผสมน้ำตาล ใส่ลูกจันทน์ป่น สีเหลือง ให้คล้ายลูกจันทน์สีอ่อนๆ ใส่ลงในกระทะทอง
4. ตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนจับเป็นก้อน ใส่ไข่แดงในแป้งขณะที่ยังร้อน รีบคนให้เข้ากัน แล้วกวนต่อไปจนเป็นก้อนพอปั้นได้ ยกลง
5. ปั้นเป็นก้อนเล็กๆเท่าลูกจันทน์ (ต้องปั้นในขณะที่แป้งยังอุ่นๆ ปั้นให้กลมเกลี้ยงเรียบ ให้ลูกเล็กใหญ่เท่ากัน ตามต้องการ)
6. ระบายเป็นขั้วของลูกจันทน์ ตกแต่งด้วยใบและก้านของลูกจันทน์จะได้คล้ายลูกจันทน์ของจริง

วิธีการทำขนมเบื้อง

ขนมเบื้อง
ส่วนผสมแป้ง
แป้งข้าวเจ้า 1 1/2 ถ้วย
แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วย
น้ำปูนใส 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ (ใช้เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง
น้ำ (ตักออก 1 ช้อนโต๊ะ) 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
ผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งถั่วเขียว ไข่แดง เข้าด้วยกัน ใส่น้ำปูนใส น้ำตาล น้ำ แล้วกรองด้วยกระชอน หมักไว้ 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้ย (จนแป้งขึ้น) สังเกตดูถ้าหวานมากแป้งจะนิ่ม ถ้าแป้งแข็งเติมไข่แดง ถ้าน้ำตาลน้อยจะพับไม่ได้ ถ้าแข็งต้องเติมน้าตาลทราย
ส่วนผสมไส่หวาน
น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ (ใช้เฉพาะไข่ขาวที่ตีจนขึ้นฟู) 1 ฟอง
ฟักเชื่อมหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วย
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ถ้วย
ลูกพลับแห้งหั่นบางๆ ยาวๆ 1/2 ถ้วย
ฝอยทองดึงเส้นยาวๆ 1 ถ้วย
วิธีทำ
ผสมน้ำตาลปีบกับไข่ขาว คนให้เข้ากัน เมื่อละเลงแป้งแล้วจึงละเลงน้าตาลกับไข่ที่ผสมไว้ พอเดือดแห้งจึงใส่มะพร้าว ฟักเชื่อม ลูกพลับ และฝอยทองลงไปตามลำดับ พอแป้งเหลืองจึงแชะ พับครึ่ง ตักหรือจะเรียงไว้ข้างกระทะก็ได้

วิธีการทำขนมตะโก้ใบเตย


ตะโก้ใบเตย






ส่วนผสม

แป้งซ่าหริ่ม 1/4 ถ้วย

ข้าวโพดต้มสุกหรือแห้วต้มสุก 1/2 ถ้วย

น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย

น้ำใบเตยคั้นข้นๆ 1/2 ถ้วย

กระทงใบเตย

วิธีทำ

ผสมแป้งซ่าหริ่ม น้ำตาล ข้าวโพดหรือแห้ว น้ำใบเตย เข้าด้วยกัน ลงในกระทะทอง ตั้งไฟกวนจนแป้งสุกใส ตักหยอดใส่กระทะใบเตย 1/2 ของกระทงโดยหยอดอย่างรวดเร็ว


ส่วนผสมหน้าตะโก้
หัวกะทิ (มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม) 2 ถ้วย

แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ

ใบเตยหั่นท่อนยาว 4 ชิ้น


วิธีทำ

ใส่หัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า น้ำตาล เกลือ เข้าด้วยกัน ใส่ใบเตยตั้งไฟกลาง กวนจนมีลักษณะข้น ลดไฟ กวนจนแป้งสุก โดยเนื้อแป้งจะเป็นเงา ยกลง เอาใบเตยออกตักหยอดบนตัวตะโก้


หมายเหตุ การหยอดหน้าตะโก้ต้องหยอดขณะที่ร้อน จะทำให้หน้าตะโก้เรียบสวย

วิธีการทำขนมไข่แมงดา



ไข่แมงดา
ส่วนผสม
ไข่ไก่ 5 ฟอง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
น้ำ 1 ถ้วย
กรวยใบตองหรือกรวยโลหะ
วิธีทำ
1. ต่อยไข่ใส่ชาม แยกไข่ขาว ไข่แดง รีดเอาเยื่อออก คนไข่แดงพอเข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบาง
2. ใส่น้ำตาล น้ำ ลงในกระทะทองตั้งไฟ พอเดือดน้ำตาลละลาย
3. ใส่ไข่แดงลงในกรวยโรยไข่ หยอดลงในน้ำเชื่อมที่เดือดเป็นฟอง รอจนสุกตักขึ้นแช่น้ำเชื่อมใส
หมายเหตุ
1. การทำไข่แมงดา ผ้ากรองและภาชนะที่ใช้ต้องไม่เปียกน้ำ และการเตรียมไข่ไว้นานก็ไม่ดี จะหยดไข่แมงดาได้ไม่กลม
2. ให้ผสมแป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ สำหรับไข่ไก่ เพราะไข่แดงจะเหลวทำให้ไข่แมงดาไม่เป็นเม็ดเมื่อสุก
3. สิ่งที่สำคัญคือ
1. ไข่ต้องใหม่สด
2. ภาชนะต้องแห้ง รวมทั้งผ้ากรองด้วย
3. น้ำเชื่อมต้องมีฟองตลอดเวลาเพื่อประคองไข่ที่หยดลงไปให้เม็ดกลมสวย
4. การเก็บ ควรจะลอยในน้ำเชื่อมใสไว้ ปิดฝา เก็บในตู้เย็น จะเก็บได้นานเป็นเดือนแต่ต้องเย็นสม่ำเสมอ

วิธการทำขนมชั้น



ขนมชั้นกุหลาบ
ส่วนผสม
แป้งมัน 1 1/2 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า 1 1/2 ถ้วย
แป้งเท้ายายม่อม 1 1/2 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว 300 กรัม
น้ำตาลทราย 3 ถ้วย
น้ำ 1 ถ้วย
สีผสมอาหารสีต่างๆ , ถาด
วิธีทำ
1. คั้นมะพร้าว ให้ได้กะทิ 3 ถ้วย
2. เคี่ยวน้ำตาลกับน้ำให้เป็นยางมะตูม พักไว้
3. ผสมกะทิ แป้งมัน แป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม และน้ำตาลที่เคี่ยวไว้ให้เข้ากัน
4. กรองแป้งที่ผสมแล้วด้วยผ้าขาวบาง แล้วแบ่งแป้งผสมสีตามชอบ
5. ตั้งลังถึง พอน้ำเดือดเอาถาดวางลงในลังถึง เทแป้งที่ผสมแล้วลงในถาดนึ่งให้สุกทีละสี โดยหนึ่งถาดนึ่งหนึ่งชั้นบางๆ
6. เมื่อขนมสุกแล้ว ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น ตัดขนมเป็นแผ่นยาวๆ โดยให้กว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาวตามความยาวของถาดขนม
7. พับม้วนขนมให้เป็นรูปดอกกุหลาบ

วิธีการทำขนมลืมกลืน





ขนมลืมกลืน


ส่วนผสมตัวขนม

แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 2 1/2 ถ้วย


วิธีทำตัวขนม
1. ใส่น้ำตาล น้ำ 1 ถ้วย ลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวให้เป็นน้ำเชื่อมกรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้
2. ละลายแป้งกับน้ำลอยดอกมะลิ กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่แป้งลงในกระทะทอง กวนให้สุก แล้วใส่น้ำเชื่อมกวนให้เข้ากัน (ยกไม้พายแป้งไม่หยดเป็นใช้ได้)
3. ยกกระทะลง ตักหยอดพอคำบนใบตอง หรือจะหยอดในถ้วยกระดาษก็ได้


ส่วนผสมหน้าขนม

มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม
แป้งข้าวเจ้า 6 ช้อนโต๊ะ
ถั่วเขียวเราะเปลือกคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 2 ช้อนชา
น้ำลอยดอกมะลิ 2 1/2 ถ้วย
เกลือป่น 2 ช้อนชา
วิธีทำหน้าขนม
1. คั้นมะพร้าวกับน้ำลอยดอกมะลิ ให้ได้หัวกระทิ 3 ถ้วย
2. ใส่แป้งข้าวเจ้า คนให้เข้ากัน เติมเกลือ
3. กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่กระทะทอง ยกขึ้นตั้งไฟ กวนจนข้น ใช้หยอดหน้าขนม โรยถั่วเขียวเราะเปลือกคั่ว

วิธีการทำขนมจ่ามงกุฏ

ขนมจ่ามงกุฏ


ส่วนผสม
เม็ดแตงโมแกะแล้ว 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
น้ำดอกมะลิ 1 ถ้วย
ทองคำเปลวแท้ 2 แผ่น
แป้งสาลี 1 ถ้วย
ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง

วิธีทำ1. เชื่อมน้ำตาล โดยใช้น้ำตาลกับน้ำดอกมะลิตั้งไฟให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วตั้งไฟต่ออีก 5 นาที
2. ล้างขัดกะทะทองเหลืองให้สะอาดเป็นเงา ตะแคงข้างหนึ่ง คั่วเม็ดแตงโมโดยใช้มือจุ่มลง ในน้ำเชื่อม แล้วกวาดไปมา จนน้ำตาลแห้งแล้ว ใช้มื่อจุ่มน้ำเชื่อม ทำเช่นนี้ต่อไป จนน้ำตาลเกาะเป็นหนามติดเม็ดแตงโมพองาม เก็บใส่ภาชนะอย่าให้อากาศเข้า
3. ระหว่างที่กวาดเม็ดแตงโมอยู่นั้น ต้องตะแคงกะทะและใช้ ผ้าขาวบางเช็ดกะทะให้สะอาดอยู่เสมอ
4. นวดแป้งกับไข่แดงจนนิ่มมือ ถ้ายังแห้งอยู่จึงเติมน้ำ แล้ว คลึงแป้งเป็นแผ่นบาง ๆ กดให้กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร นำแผ่นแป้งที่ตัดแล้ว ใส่ในถ้วยตะไลใช้มือ กดเบา ๆ ให้เป็นรูปก้นถ้วยตะไล ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วจึงเอาไป อบพอสุกกลายเป็นแป้งรองขนม
5. การทำมงกุฏ ให้เอาน้ำตาลทรายใส่หม้อเล็ก ๆ ใส่น้ำนิด หน่อย ตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำตาลละลายเอาเม็ดแตงโมที่ กวาดไว้แล้วลงจุ่มให้น้ำตาลติดกับแป้งที่อบไว้รอบ ๆ
6. ปั้นทองเอกกลม ๆ วางตรงกลาง ใช้มีดปลายแหลมผ่าเป็น 6 พู เหมือนผลมะยม แล้วปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ เท่าเม็ดถั่วเขียววางบนยอดขนมที่ผ่าไว้ ใช้ทองคำเปลวตัดเป็น สี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก ๆ แตะตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกุฎ

เคล็ดลับ
1. การทำแป้งรองขนมจ่ามงกุฏนั้นบางครั้งก็ต้องเติมน้ำและบาง ครั้ง ก็ไม่ต้องเติม ทั้งนี้แล้วแต่น้ำในไข่ที่ใช้นั่นเอง
2. ทองคำเปลว ต้องแน่ใจว่าเป็นของแท้ เพราะถ้าเป็นของปลอม จะเป็นอันตรายมาก เนื่องจากสารตะกั่ว